ดังที่กล่าวไว้ว่า ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น เมื่อเราคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราเองก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และเรื่องของสภาวะโลกร้อนที่ประสบกันอยู่ ณ ขณะนี้ ถ้าองค์กรธุรกิจไม่คิดที่จะริเริ่มทำสิ่งต่างๆ หรือ เป็นแบบอย่างในการเป็นผู้นำในเรื่องการคิดสิ่งใหม่ๆ ที่จะช่วยโลกของเราแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น โลกของเราก็อาจจะไม่มีสิ่งสวยงามหลงเหลืออยู่ไปจนถึงรุ่นลูกหลานของเรา ซึ่งองค์กรธุรกิจก็ควรจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และไม่ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามกระแสสังคม นอกเหนือไปกว่านั้นองค์กรธุรกิจ ควรจะต้องมีส่วนในการสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมให้ผู้บริโภคได้ตระหนักถึงภัย และอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากผลกระทบของภาวะโลกร้อน
ตัวอย่างของ องค์กรธุรกิจ ที่มีแนวคิดใหม่ๆ เพื่อช่วยรณรงค์เรื่องภาวะโลกร้อน เช่น บริษัท การบินไทย มหาชน จำกัด ที่มีนโนบายที่จะช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ในธุรกิจการบินอย่างจริงจัง ที่ได้ทำการออก ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ประทับไว้บนเมนูอาหารบนเครื่องบิน 1 เพื่อต้องการให้ผู้โดยสารได้ทราบว่า อาหารที่เราทานเข้าไปนั้น ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากน้อยเพียงใด หรือในอีกทางหนึ่งคือ ต้องการให้ผู้โดยสารทุกคนได้มีส่วนร่วม และตระหนักในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ซึ่งเมนูอาหารที่มีการแสดงฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ นั้น มี เมนู แกงเขียวหวานไก่ และเมนูแกงมัสมั่นไก่ ซึ่งเสิร์ฟพร้อม ข้าวหอมมะลิ และผัดผัก
เมนูแกงเขียวหวานไก่ เสริฟพร้อมข้าวหอมมะลิ และผัดผัก ( น้ำหนัก 250 กรัม ) มี ปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เท่ากับ 1.39 กิโลกรัมคาร์บอนไดอ๊อกไซต์เทียบเท่า
เมนูแกงมัสมั่นไก่ เสริฟพร้อมข้าวหอมมะลิและผัดผัก ( น้ำหนัก 250 กรัม ) ได้มีการคำนวณปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เท่ากับ 1.36 กิโลกรัมคาร์บอนไดอ๊อกไซต์เทียบเท่า
จากข้อมูลตรงนี้ ถ้าผู้บริโภค หรือผู้โดยสาร ได้รับรู้ถึงข้อมูลของปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาแล้ว ก็น่าจะเลือกทาน เมนูแกงมัสมั่นไก่ กันใช่มั๊ยคะ
ที่มาของข้อมูล 1 : http://www.prthaiairways.com/thaiair_4p/front/module/blog/blog_entry.php?bid=45